กฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction เป็นหลักปรัชญาที่สอนให้คิดในแง่ดีจะดึงดูดผลลัพธ์ในเชิงบวก หากคิดในเชิงลบจะดึงดูดผลลัพธ์ในเชิงลบเช่นเดียวกัน โดยมาจากความเชื่อที่ว่าความคิดก็คือพลังงานรูปแบบหนึ่งที่สามารถดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันได้ ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน สุขภาพ การเงิน และ ความรัก
กฎแรงดึงดูด ประกอบด้วย 3 ข้อ
เหมือนดึงดูดเหมือน – ในข้อนี้ก็ยกตัวอย่างได้อย่างเช่น ดึงดูดคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน คนฉลาดดึงดูดคนฉลาด คนมองโลกในแง่ร้ายก็มักจะดึงดูดสิ่งร้าย ๆ เข้ามา ดังนั้นหากอยากเจอสิ่งดี ๆ ก็ต้องทำตัวให้ดีก่อน
ธรรมชาติจะรังเกียจสุญญากาศ – คนเรามักจะเสียพื้นที่ของสมองไปกับเรื่องไร้สาระ คิดฟุ้งซ่าน เรื่องที่ไม่ควรคิดอยู่ตลอดเวลา หากกำจัดสิ่งเหล่านี้ได้ จะทำให้มีพื้นที่ให้คิดแต่สิ่ง ๆ มากขึ้น
ปัจจุบันคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบเสมอ – เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตหรือล่วงรู้อนาคตได้ และถึงแม้ปัจจุบันอาจต้องเจอกับความล้มเหลวผิดหวัง แต่เราสามารถเริ่มต้นพัฒนาจากจุดนี้ได้คือการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ดีกว่าไปจมเศร้าเสียใจกับสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนไม่มีความสุข
กฎแรงดึงดูด นำไปใช้อย่างไรบ้าง
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และต้องรู้ว่าจะได้รับอะไรหากบรรลุเป้าหมาย หากเป้าหมายไม่ชัดเจน ก็อาจทำให้ไม่รับรู้ถึงความคืบหน้าจนกลายเป็นสูญเสียกำลังใจระหว่างทำส่งผลให้ล้มเลิกเป้าหมายได้ง่ายนึกถึงสิ่งดี ๆ – การนึกถึงแต่สิ่งดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้น เช่น ความประทับใจจากเพื่อนร่วมงาน คนรัก หรือพ่อแม่ ที่ถือว่าเป็นพลังบวก จะช่วยดึงดูดความรู้สึกบวกให้เข้ามาหา ทำให้รู้สึกมีความสุข สนุก และสบายใจ ดังนั้นควรหมั่นหาเวลานึกถึงแต่สิ่งดี ๆ บ้างจะชีวิตจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
จินตนาการถึงอนาคต – ให้ลองนึกว่าในอนาคตหากเราทำภารกิจที่กำลังทำอยู่สำเร็จ จะเป็นอย่างไร จะรู้สึกยังไงบ้าง โดยจะมีความรู้สึกอยู่สองแบบ คือ รู้สึกดีที่ได้รับการยอมรับ และเสียงชื่นชมจากการทำงานจนสำเร็จ หรือรู้สึกแย่ที่งานออกมาไม่ดีจนคนรอบข้างผิดหวัง ให้จินตนาการถึงเรื่องดีเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นกำลังใจในการทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยให้ลืมผลลัพธ์ในแง่ร้ายได้เป็นอย่างดี
กฎแรงดึงดูด เมื่อเกิดเรื่องร้ายให้มองหาเรื่องดี – เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก หรือเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกผิดหวัง เศร้า เราควรมองหาข้อดีที่ซ่อนอยู่ เช่น หากเราทำงานผิดพลาดก็ให้เก็บมาเป็นบทเรียนแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก นอกจากจะทำให้รู้สึกดีแล้ว ยังเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเองมากขึ้นไปอีก
ถึงแม้ กฎแรงดึงดูด ดูแล้วจะเป็นความเชื่อมากกว่าหลักการทางวิทยาศาสตร์แต่สามารถส่งผลดีต่อชีวิตของเราได้ เพราะการกระตุ้นให้เราคิดในแง่บวกเป็นการช่วยพัฒนาแนวคิด มีสุขภาพจิตที่ดี ช่วยให้เรามีทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีขึ้นจึงเหมาะเป็นอย่างมากที่นำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาชีวิตให้มีแต่ความสุขมากขึ้นกว่าเดิม